“กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่สถานสงเคราะห์สระบุรี หลังผู้ให้ข้อมูลร้องของ แจ้งว่าถูกคุมคาม
เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
สระบุรี – “กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่สถานสงเคราะห์ ให้กำลังใจและช่วยเหลือสองสาวที่ให้ข้อมูลเด็กถูกทารุณ เผยถูกผู้ใหญ่คุกคาม หลังจากออกมาเปิดเผยเรื่องราว
เย็นวันนี้( 31 พ.ค.) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” พร้อม น.ส.ก้อย และ น.ส.ส้มผู้เปิดเผยเรื่องราว ได้เดินทางมาถึงสถานสงเคราะห์เด็กหญิง สระบุรี โดย กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองเดินทางมาเยี่ยมน้อง 2 คนในสถานสงเคราะห์ฯ และเยี่ยม นางสาวก้อย และนางสาวส้ม ซึ่งทั้งสองคนขอความช่วยเหลือไป ว่าขณะนี้ ถูกทางผู้ใหญ่คุกคามหลังจากออกมาเปิดเผยเรื่องราว ขณะนี้เรื่องทั้งหมดอยู่ในการดูแลของผู้ใหญ่ในกระทรวง โดยตนเองก็จะช่วยดูแลทั้งสองคน และเด็กที่ร้องเรียนเรื่องเข้ามา
ในส่วนของคดีนั้น ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรพระพุทธบาท อยู่ระหว่างการสอบปากคำ ซึ่งทางนางสาวก้อย และ นางสาวส้ม ก็ได้ให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ เพื่อจะได้เอาผิดกับผู้ที่กระทำผิด ซึ่งทางผู้ใหญ่ในกระทรวงพัฒนาสังคมก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีระเบียบในการที่จะขังให้เด็กอยู่ในห้องมืด หรือการให้เด็กอดขนมต่าง ๆ เพราะทางกระทรวงฯ ได้นำตัวเด็กมาเลี้ยงที่สถานสงเคราะห์เหมือนบ้าน ก็อยากให้เด็กได้เติบโตและมีพัฒนาการที่ดี
ส่วนใครที่กระทำการคุกคามไม่ให้ความเป็นธรรมผู้ใหญ่ก็จะดำเนินการด้วย วันนี้ตนเองคิดว่าสังคมได้เจอในเรื่องราวที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ ซึ่งเมื่อวานก็ได้มีเด็กคนหนึ่งโฟนอินเข้ามาว่ามีการให้ดื่มน้ำประจำเดือน ตรงนี้คือการกระทำรุ่นสู่รุ่น มันควรจะมีการหยุดวัฒนธรรมนี้ได้แล้วจากผู้ใหญ่ ตนเองอยากให้ทุกคนหันมาปกป้องเด็ก ปกป้องคนที่จะพูดความจริง ตนเองเชื่อว่ายังมีบุคคลที่ดีที่จะปกป้องเด็กอยู่ในองค์กรนี้อยู่ ซึ่งถ้าใครทำดีก็ต้องชื่นชมและถ้าใครทำไม่ดีก็ต้องปรับเปลี่ยนหาคนดีเข้ามาทดแทนเพื่อให้องค์กรน่าศรัทธา น่าฝากฝังชีวิตของเด็กที่ลำบากยากจน
กัน จอมพลัง บอกอีกว่า ขณะนี้มีการให้ข้อมูลร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก แต่ตนเองก็อยากให้คนที่พูดเข้ามายืนยันด้วยตนเอง สำหรับการลงโทษต่าง ๆ นั้นตนเองมองว่าศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของเด็กที่โดนกระทำนั้นถูกบั่นทอนตั้งแต่เด็กและการที่เด็กที่ถูกกระทำมองเรื่องการใช้ความรุนแรงนี้ว่าปกติ เมื่อเด็กคนนั้นเติบโตขึ้นก็จะส่งการกระทำที่รุนแรงนั้นไปสู่ครอบครัว
โดยเด็กทุกคนทนเรื่องนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เด็กเหล่านี้จะต้องทน วันสุดท้ายที่เด็กเหล่านี้จะต้องมาเจออะไรแบบนี้อยากให้ทุกคนออกมาช่วยกันเพื่อหยุดเหตุการณ์เช่นนี้และให้เรื่องนี้เป็นวันสุดท้ายที่เด็กจะต้องเจอ
วันนี้จากที่เข้าพูดคุย กับน้องๆ เบื้องต้นก็ได้ถามสภาพความเป็นอยู่ตอนนี้ น้องก็ได้อยู่ในห้องที่มีความเป็นส่วนตัวและมีเพื่อน ๆ แวะมาหาและมีความโอเคขึ้น ในขณะนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ที่มาจากส่วนกลางได้เข้ามาดูแล และได้รู้สาเหตุว่าเด็กคนไหนมีปัญหาหรือติดขัดอย่างไร จะได้แก้ไขต่อไป
สำหรับพนักงานเก่า ๆ ทางสถานสงเคราะห์ก็ได้ให้หยุดงานและให้ออกจากงานบางส่วน สำหรับผู้ที่น้องก้อยได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเจ้าหน้าที่ก็จะไปทำการบ้านและทำข้อมูลต่อไป ถ้าพบว่ามีพฤติกรรมความรุนแรงก็จะต้องไปดำเนินการต่อ
สำหรับสถานสงเคราะห์อื่นนั้นทางด้านท่านปลัดกระทรวงได้สั่งการให้ตรวจสอบสถานสงเคราะห์ 33 ที่ทั่วประเทศโดยถ้ามีปัญหาตรงไหนต้องส่งเรื่องขึ้นไปที่ปลัดถ้ามีการหมกเม็ดแล้วเจอก็จะต้องมีการถูกดำเนินการ ให้ถึงที่สุดทั้งด้านคดีความและด้านวินัย
สำหรับในเรื่องเงินบริจาคต่าง ๆ นั้นตนเองก็ได้ตรวจสอบแล้วว่า เบื้องต้นจำนวนเงินนั้นไม่เพียงพอ และในเรื่องของงบประมาณตนเองได้คุยกับเจ้าหน้าที่ก็พบปัญหาเรื่องรายได้ตอบแทนนั้นมีจำนวนน้อย ตนเองอยากฝากถึงผู้ใหญ่ว่าถ้าอยากจะพัฒนาสังคมให้ดีแต่ต้นทุนในการพัฒนานั้นน้อยมาก ส่วนเงินที่จะใช้สนับสนุนสถานสงเคราะห์นั้นก็แทบจะไม่พอ
สำหรับเด็กๆที่อยู่ในสถานสงเคราะห์อื่นทั้งเอกชนและภาครัฐถ้าประสบเรื่องไม่ดีเช่นนี้ และกล้าออกมาเปิดเผยตนเองขอชื่นชมว่า น้องๆ เป็นคนที่เก่งและเป็นฮีโร่สำหรับตนเองในการที่ออกมาพูดความจริงและทำความดีซึ่งถ้าน้องๆไม่ออกมาพูดวันนี้ก็จะต้องมีคนตกอยู่ในชะตากรรมเดียวแบบน้อง ในวันนี้สิ่งที่น้องได้ทำเหมือนกับการหยุดความรุนแรงในเด็ก ให้เด็กทุกคนปลอดภัยหลังจากวันนี้ ตนเองอยากจะบอกไปถึงน้องๆทุกคนว่าให้ออกมาพูดความจริง ยิ่งถ้าน้องออกมาพูดความจริงและให้ความจริงทุกอย่างก็จะดีขึ้น